แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพใจ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพใจ แสดงบทความทั้งหมด

"คลายเครียด" เพราะ 3 อย่างนี้

สิงหาคม 10, 2562

     
     เครียด... มากจะทำยังไงดี ความเครียดมักมาเยี่ยมโดยไม่ได้รับเชิญอยู่บ่อยๆ อาหารการกินก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้คลายความเครียดของเราได้บ้าง วันนี้เรามาดูว่ามีอะไรบ้างค่ะ
     
      เชอร์รี่     เครียดจนนอนไม่หลับ ผลเชอร์รี่ช่วยคุณได้ เชอร์รี่มีสารเมลาโทนินสูง ทานแล้วจะช่วยให้คุณหลับสนิท ไม่ว่าจะเครียดจากเรื่องงาน เรื่องเรียน หรือปัญหาใดๆ ลองทานผลเชอร์รี่สด หรือเครื่องดื่มที่ทำจากเชอร์รี่ ซิคะรับรองหลับสบายหายห่วงค่ะ

      ปลา     กินปลาย่อยง่ายไม่อ้วน แถมยังทำให้มีสุขภาพจิตดี เพราะมี DHA หรือกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง โดยเฉพาะปลาทะเล DHA มีความจำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อสมองและระบบประสาท คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วนะคะว่ากินปลาแล้วฉลาด อาหารมื้อต่อไปอย่าลืมทานปลากันนะคะ
     ช็อคโกแล็ต     ช็อคโกแล็ตมีสารฟินิลลัลลามีน (Phenylalamine) เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อารมณ์ดี แต่อย่าเผลอทานเยอะล่ะ ระวังจะเพิ่มความอ้วนโดยไม่รู้ด้วยนะ

      ถ้าเครียดเมื่อไหร่ อยาลืมลองทานอาหารคลายเครียดกันดู รับรองได้ผลดีเกินคาด และไม่ทำให้เสียสุขภาพด้วยค่ะ
    
                    ติดตาม สาระดีๆ กันได้ใหม่ค่ะ ....บาย >>>>> 

วิธีรับมือ เพื่อนร่วมงาน (ตัวแสบ!!)

กรกฎาคม 11, 2562
       

     ชีวิตในที่ทำงาน  ...บางครั้งก็มีเรื่องให้เครียดเพราะเจอเพื่อนร่วมงาน (ตัวแสบ) แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจลาออกนะ ก่อนตัดสินใจ อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านวิธีรับมือ และปรับตัว (แบบมืออาชีพ) กับเรื่องเพื่อนร่วมงาน 8 ประเภทกันก่อนค่ะ
      
      หลงตัวเอง  คิดว่าฉลาดเกินคนอื่นหรือไม่มีใครฉลาดเท่า จึงไม่ยอมแบ่งงานหรือร่วมงานกับใคร รวมทั้งไม่ชอบฟังคำแนะนำจากใครๆ อีกด้วย  ..วิธีรับมือ..พยายามปรับตัวทำใจให้ชิน พูดให้น้อย ชื่่นชมในความเก่งของเขา หลีกเลี่ยงการตำหนิ แต่ควรบอกเขาเมื่อทำผิดพลาด

     หนักไม่เอา เบาไม่สู้  คนประเภทนี้ชอบผัดวันประกันพรุ่ง กินแรงคนอื่น ไม่ค่อยเสียสละ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง ..วิธีรับมือ..ให้พยายามพูดชื่นชมผลงานเพื่อให้แสดงฝีมือบ่อยๆ ในทางกลับกันอย่าไปตำหนิเพราะยิ่งตำก็จะยิ่งไม่ยอมทำอะไรเลย

     เอื่อยเฉื่อยแบบเช้าชามเย็นชาม  ประเภททำงานแบบย่ำอยู่กับที่ เพราะเคยชินกับวงจรการทำงานแบบเดิมๆ ที่รู้สึกว่าปลอดภัยดี จึงไม่คิดปรับปรุง คนแบบนี้จะกลัวการเปลี่ยนแปลงและมักคัดค้านไว้ก่อน ..วิธีรับมือ..ให้เวลาเพื่อนร่วมงานได้เรียนรู้ประโยชน์ของสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อค่อยๆ ยอมรับและเริ่มทำด้วยตัวเอง หรือเสนอให้มีการอบรมให้ความรู้ใหม่ๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ จะได้เลิกยืนหยัดคัดค้าน

     แยกเรื่องไม่ค่อยออก  บางคนแยกงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก บางครั้งมีปัญหาที่บ้านทำให้ไม่สบายใจก็จะเก็บตัว หรือหงุดหงิดพานมีเรื่องกับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว หรือมีเรื่องขุ่นเคืองกับคนในที่ทำงานพานให้เสียงาน ..วิธีรับมือ..ง่ายๆ ด้วยการพยายามให้สองฝ่ายได้พูดคุยปรับความเข้าใจ เพื่อจะได้ร่วมงานกันต่อไปอย่างราบรื่น 

     ขี้โมโห  ถ้าเรามีเพื่อนร่วมงานประเภทโกรธง่ายหายเร็ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่พอใจอะไรก็แสดงออกมาโดยไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ..วิธีรับมือ..ด้วยการไม่เถียงขณะที่เขาแสดงอาการฉุนเฉียว เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่รับฟัง หากอยากจะเตือนต้องพูดตอนอารมณ์ดีๆ   


     ไม่มั่นใจในตัวเอง  มีความคิดดีแต่ไม่กล้าแสดงออก กลัวล้ำเส้น หรือถูกตำหนิหากผิดพลาด ..วิธีรับมือ..แบบนี้ต้องคอยให้กำลังใจส่งเสริมให้ทำสิ่งที่ดี พยายามให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน หากทำผิดก็ช่วยแก้ไข ไม่ตำหนิ หรือซ้ำเติม 

     เหลี่ยมจัด ลอบกัด ปัดความรับผิดชอบ  พวกเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่าง เอาความดีใส่ตัวแล้วโยนความชั่วให้คนอื่น ถ้าต้องการร่วมงานด้วยควรระวังให้มาก เพราะอาจถูกแทงข้างหลังเป็นแผลเหวอะหวะ หรืออาจเจอเล่ห์กลเล่นแง่ทำให้งานของเขากลายเป็นของเราได้ง่ายๆ ..วิธีรับมือ..เข้าใกล้เท่าที่จำเป็น อย่าไปสุงสิง ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดเป็นพอ 


     ไร้มนุษยสัมพันธ์  คนประเภทนี้จะตรงไปตรงมา แบบขวานผ่าซาก คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ถึงแม้จะมีเจตนาดี แต่ว่าแสดงออกมาไม่เป็น ทำให้คนคิดว่าหยิ่ง ไม่น่าคบ ไม่อยากร่วมงานด้วย ..วิธีรับมือ..ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นพยายามมองส่วนดีและมองข้ามเรื่องขุ่นข้องหมองใจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน

        รู้เขา รู้เรา แบบนี้ก็สบายๆ ไปอีกหลายอย่างแล้วค่ะ

วิธีบริหารจัดการ "ความเครียด"

มิถุนายน 27, 2562

      ในแต่ละวันทุกคนต้องเจอกับความเคีรยดกันไม่มากก็น้อย อาจมีหลากหลายเรื่องให้ต้องคิด ต้องทำ หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรามีวิธีที่จะผ่อนคลายลงได้ด้วย 8 วิธี ที่เรานำมาแนะนำวันนี้ค่ะ
     1. ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

     2. รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ลดการทานจุบจิบ เน้นทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

     3. ฝึกจิตใจ ด้วยการทำสมาธิ

     4. ใช้น้ำมันหอมระเหยในการผ่อนคลายความเครียด

     5. ดนตรีบำบัด ฟังเพลงจะช่วยผ่อนคลาย อาจเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ ฟังก่อนเข้านอน

     6. การใช้ความร้อนทั้งตัว เช่น อบสมุนไพร อบซาวน่า

     7. การนวดแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า นวดน้ำมัน หรือการนวดอื่นๆ ก็ช่วยให้ผ่อนคลายลงได้

    
     8. พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7 - 8 ชั่วโมง และไม่นอนดึกบ่อยเกินไป
          
           ลองนำไปใช้กันดูนะคะ ได้ผลยังไงแนะนำเพื่อนต่อๆ กันไปได้ความสุขใจไปอีกแบบค่ะ


เทคนิค! "ทำงานให้มีความสุข"

มีนาคม 06, 2562


      การที่ทำอะไรซ้ำๆ  ในแต่ละวันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนไหนต้องการหรอกค่ะ เช่นการตื่นเช้าไปทำงานคือเรื่องราวที่ซ้ำซาก และบางคนก็เริ่มรู้สึกจำเจเบื่อหน่าย ถึงระหว่างที่ทำงานจะไม่ได้เจอเรื่องเดียวเหมือนกันทุกวัน แต่กระบวนการ หรือขั้นตอนการทำงานก็อาจจะมีความซ้ำซ้อนจนบางครั้งเราก็เริ่มจะเบื่อหน่ายกับทำงานซ้ำๆ  แต่ก็มีอีกหลายคนไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีความชอบและรู้สึกสนุกกับงานที่ทำ คนเหล่านั้นเขามีวิธีอย่างไรเรามาดูกันค่ะ

 1. เขาหาเรื่องทำแล้วมีความสุข   อันนี้หลายๆ คนคงสงสัยกันมันยังไงกัน! เพราะแต่ละวันงานก็ซ้ำซากอยู่แล้วจะเอาตรงไหนมาเลือกทำให้เกิดความสุขได้อีกกันหนอ  มาดูค่ะลองเปลี่ยนมุมมองกับสิ่งของต่างๆ รอบๆ ตัวด้วยใจดูสิเราจะได้เห็นอะไรแตกต่างทันที  เริ่มจากเปลี่ยนอุปกรณ์บนโต๊ะทำงานให้เป็นเครื่องใช้งานสำนักงานดีไซน์เก๋ไก๋ หรือเปลี่ยนการแต่งตัวให้แปลกใหม่เป็นแบบต่างๆ ที่เราชื่นชอบ

  2. นอนเร็วขึ้น   หลายๆ คนอาจจะหมดเวลาไปกับติดตามเหตุการณ์บนไทม์ไลน์ในช่วงเวลาค่ำคืน  เปลี่ยนแบบนี้ค่ะ ลองปิดสวิตส์ไฟเข้านอนเร็วขึ้นสักหนึ่งชั่วโมง จะทำให้คุณตื่นมาสดใสและมีพลังมากยิ่งขึ้น

  3. ลำดับความสำคัญของงาน  การลำดับความสำคัญของงานในแต่ละวัน จะช่วยให้คุณจดจำรายละเอียด และบริหารงานในความรับผิดชอบของคุณได้ดีขึ้นมาก นอกจากงานออกมาดีแล้ว คุณจะมีเวลาว่างที่จะไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วย

 4. ควบคุมอาหาร  การออกกำลังกาย  จะช่วยสร้างความรู้สึกมีความสุข เมื่อทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารคุณจะรู้สึกรักตัวเองมากขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ


   ว้าว!!  แค่ได้อ่านก็รู้สึกอยากลองทำดูแล้ว เพราะแต่ละวิธีไม่ได้ยากสำหรับเราเลย แค่ปรับนิดปรับหน่อยเองค่ะ พบกันสาระดีๆ ใน "นานาสาระ - วาไรตี้" ได้ใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ

"เมื่อหัวหน้าให้งานเยอะ" อยากรู้วิธีจัดการมั้ย?

กุมภาพันธ์ 18, 2562
      หัวหน้าให้งานเยอะนั่นคือคุณได้รับความไว้วางใจในการทำงาน  จึงได้รับมอบหมายให้ดูแลงานต่างๆ มากขึ้นจนบางทีก็มากจนทำไม่ไหว  แต่คุณไม่ควรบ่น!! เพราะอะไร?!! เพราะเหตุนี้ค่ะงานที่ได้รับมอบหมายนั้นคือการสร้างโอกาสในการพัฒนาตัวตนของคุณให้มากยิ่งขึ้น  และงานต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นได้สร้างความท้าทายให้กับคุณ ทำให้คุณได้รู้ศักยภาพของตัวเองว่ามีศักยภาพอะไรที่ซ่อนอยู่ คือในบางครั้งคุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคณทำงานนั้นได้ แต่หัวหน้าคุณเห็นมัน นั้นนำมาซึ่งการได้รู้ใจตนเอง และได้รู้ศักภาพที่มีและได้ดึงมันออกมาใช้ให้เต็มที่หากคุณปฏิเสธงานมากมายที่ฉันได้รับมอบหมายเพิ่ม จะไม่มีวันได้พัฒนา และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเองได้เลย นี่คือโอกาส!! ทำมันซะ!! เริ่มต้นคิดใหม่ได้แล้ว

      การเปิดใจ  ยอมรับความท้าทายที่มากมายในโลกของการทำงานเป็นหัวใจหลักสำคัญที่จะทำให้คุณคนที่พัฒนาได้อย่างเต็มภาคภูมิ คิดถึงจุดประสงค์หลักของการทำงานในแต่ละวัน ก็เพื่อเพิ่มมูลค่าของตัวเอง, เพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวคุณเอง นั่นเป็นสิ่งสำคัญหลักใหญ่ที่สุด เพราะถ้าหากคุณไม่ทำงาน บริษัทก็สามารถหาคนอื่นๆ มาทำงานแทนคุณได้

      ฉะนั้นแล้วหากคุณเกี่ยงงาน ไม่รักในงานที่ได้รับมอบหมาย หรือปฏิเสธ หรือขาดความรับผิดชอบ ทำแบบขอไปที  ผลร้ายที่เกิดขึ้นนอกจากคุณจะไม่ประสบผลสำเร็จจากงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ความภาคภูมิใจ หรือความชื่นชอบชื่นชมจากงานที่ควรเกิดขึ้นกับตัวคุณ ก็จะหายไป โอกาสดีๆ  จากการได้รับความไว้วางใจมอบหมายงานจากเจ้านายไม่ใช่ว่าจะหาได้อย่างง่ายๆ  แค่พยายามอีกสักนิดคุณก็พิชิตโอกาสดีๆ ได้แล้วค่ะ
      ง่ายๆ แค่เปลี่ยนความคิดค่ะ   มาพบกับเราได้ใน "นานาสาะ - วาไรตี้" ค่ะ  ^____^



"ก่อนนอน" ควรทำสิ่งนี้ เพื่อชีวิตสดใสในเช้าวันใหม่

กุมภาพันธ์ 16, 2562
       หลายคนบ่นกันมากเลยว่าอยากตื่นนอนมาแล้วสดชื่น แจ่มใสในทุกๆ เช้า หากอารมณ์สดชื่นในยามเช้าจะช่วยให้เราสดใสไปได้ทั้งวัน  แต่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่เป็นไรเลยค่ะ วันนี้เรานำเคล็ดลับ!  3 สิ่งนี้ที่ควรทำก่อนนอน เพื่อชีวิตสดใสในวันรุ่งขึ้นมาให้อ่านและลองทำตามค่ะ เริ่มต้นกันเลย

      1. ผ่อนคลายจิตใจ   ชีวิตในหนึ่งวันของเรานั้น ต้องพบเจอกับอะไรตึงเครียดมากมาย หากเราหลับไปพร้อมกับความตึงเครียด เราย่อมตื่นมาพร้อมกับความหนักอึ้งในใจ เพราะงั้นก่อนนอน ให้ลองผ่อนคลายจิตใจ เช่น อาจจะฟังเพลงที่ชอบเบาๆ หรือหากเป็นวันที่เคร่งเครียด และมีความกังวลอย่างมาก ให้ลองลงมือเขียนสิ่งที่กังวลใจนั้นลงในไดอารี หรือโพสอิสง่ายๆ เพื่อบอกว่าฝากความกังวลไว้ก่อนนะ แล้วแปะไว้ข้างฝาค่ะ
     *การทำเช่นนี้ จะช่วยให้เราทบทวนคามรู้สึกของตนเอง พร้อมๆกับผ่อนคลาย ปล่อยวาง เพื่อเตรียมตัวพักผ่อนกันอย่างแท้จริง

      2. ขอบคุณสิ่งดีดีที่เกิดขึ้น เวลาก่อนเข้านอน เป็นช่วงที่เราควรคำนึงถึงความสุข และกล่าวขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เราได้รับ เพื่อช่วยให้เราอิ่มเอมใจ และมีความหวังกับชีวิตในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้การขอบคุณยังเป็นการแสดงถึงพลังทางบวก ช่วยปรับคลื่นในมองของเราให้สงบมากขึ้นอีกด้วย

      3. หลับสมาธิ  ฟังดูเหมือนแปลก แต่การทำสมาธิเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนอน ช่วยให้จิตใจเราสงบ และผ่อนคลายอย่างแท้จริงเราเปลี่ยนจากการนอนนับแกะกระโดดไปมา ให้เราล้มตัวลงนอน พร้อมๆ กับตามลมใจหายใจเบาๆ หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ เมื่อหลับไปพร้อมกับใจที่จดจ่อกับลมหายใจ เราจะหลับสนิท ร่างกายได้พักเต็มที่ ตื่นมาก็จะสดชื่นสดใสในทุกวัน

      อ่านจบแล้วรู้สึกว่าดีจัง แล้วลองทำกันดูนะคะ ไม่ยาก ไม่เยอะ ไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนอะไร แรกๆ ลองทำวันละข้อดูค่ะ
พบกับสิ่งดีๆ ได้ใหม่ใน "นานาสาระ - วาไรตี้" ค่ะ   ^_____^.

"หัวเราะ" ให้ถูกวิธี มีดีกว่าที่เราคิด!

ธันวาคม 10, 2561
      
       การที่ได้  “หัวเราะ”  จะช่วยให้ฮอร์โมนความเครียด เช่นคอร์ติซอลอะดรีนาลีนลดลงและเพิ่มสาร "เอ็นดอร์ฟิน" หรือสารความสุขเพิ่มขึ้น
ตามศาสตร์ตะวันออกบอกว่าการหัวเราะบำบัดทำได้โดยสูดลมเข้าเต็มปอดกักไว้ทำอารมณ์ ให้สนุกยิ้มเข้าไว้และเปล่งเสียงเป็นสระ....

          สระ  - โอ อา อู เอ โอ      =  ท้องหัวเราะ
          สระ  -  อา                     =  อกหัวเราะ
          สระ  -  อู                       =  คอหัวเราะ
          สระ  -  เอ                      =  หน้าหัวเราะ 
          ฮึๆ (ทำเสียงในจมูก)         =  จมูกหัวเราะ 

            สำคัญเลยในทุกๆ วันอย่าลืมให้สมองกับหัวใจได้หัวเราะ พร้อมยิ้มให้กับตัวเอง และคนรอบๆ ข้างด้วยเพื่อชีวิตที่มีความสุข…สดใสค่ะ

4 วิธีกระตุ้น ให้พนักงานแสดงความคิดสร้างสรรค์

ธันวาคม 09, 2561
    
       มีหลายองค์กรที่กำลังปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพื่อการพัฒนาและการสร้างจุดยืนของตนเองในพื้นที่ตลาด ด้วยเหตุนี้ในพื้นที่ของการทำงาน การให้โอกาสพนักงานที่เคยได้แต่นั่งทำงานตามคำสั่งได้ออกมาแสดงความคิดเห็นจึงเป็นเรื่องค่อนข้างยาก จะกระตุ้นพวกเค้าให้คิดสร้างสรรค์อย่างไรดี? 

    1.  ให้ความมั่นใจว่าองค์กรเชื่อมั่นในความคิดเห็นของพนักงานทุกคน ด้วยการจัดการแข่งขันเมื่อองค์กรออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การแข่งขันกันตั้งชื่อสินค้าใหม่จะเป็นการเปิดทางให้พนักงานทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมกับองค์กรและสร้างความภาคภูมิใจกับผลิตภัณฑ์ที่ตนเองมีส่วนร่วมอีกด้วย

     2.  จัดเวทีกิจกรรมให้เกิดขึ้นในองค์กร
ฝ่ายบุคคลอาจจะต้องเตรียมวางแผนให้พนักงานในองค์กรเกิดการกระตุ้นให้ร่วมกิจกรรมที่องค์กรจัดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการจัดการแข่งขันการแต่งโคลงกลอนเล็กๆ นั้นก็จะเป็นจุดเริ่มของเวทีการแสดงความมั่นใจให้เกิดความกล้าแสดงออกมาขึ้น

     3.  ทำการประเมินแบบ 360 องศา เพื่อให้ทุกคนจะได้รับการประเมินจากทุกคนไม่เว้นแม้แต่หัวหน้างานหรือเจ้านาย และเมื่อผลการประเมินเปิดเผยออกมาก็จะทำให้คนทำงานธรรมดาๆ ทุกๆ วันได้รู้สึกมีคุณค่าภูมิใจในตัวเองเป็นผลให้เค้าพยายามจะพัฒนาตนเองและให้ความใส่ใจกับการคิดหาวิธีการทำงานใหม่ๆ

    4.  สร้างแผนการอบรมคู่ขนานกับการทำงาน เพราะความอ่อนล้าของการทำงานจะทำให้พนักงานรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานเดิมๆ ได้การได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ นั้นย่อมสร้างโอกาสให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ดีค่ะ
       เมื่อพนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ก็จะนำพาองค์กรให้พัฒนา รวมทั้งเป็นผลดีกับตัวพนักงานเองอีกด้วยค่ะ

แค่ 12 นาที ก็มีความสุขได้ทั้งวัน ต้องลอง!

พฤศจิกายน 28, 2561

     ต้องลองเลยนะ ถ้าอยากจะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ราบรื่นมีความสุขและมีสติสัมปชัญญะ 

      วิธีง่ายๆ ที่ช่วยได้ดีมากๆ เลยแค่ "ฝึกนั่งสมาธิ" หลังจากตื่นนอนตอนเช้าก่อนที่จะทำภารกิจต่างๆ ใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด ทำให้สมองมี MentalImagery สมองปลอดโปร่งสามารถจินตนาการเห็นภาพ และมีความคิดสร้างสรรค์ 

     แค่วันละ 12 นาที รับรองเลยหากทำเป็นประจำทุกๆ วันจะเป็นวันที่ทำให้คุณมีจิตใจร่ำเริงแจ่มใส มีสมาธิ และพร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าใครไม่มีเวลามากพอในตอนเช้าก็อาจเปลี่ยนมาฝึกทำก่อนเข้านอนก็ได้เช่นกันค่ะ มาฝึกไปพร้อมๆ กันนะคะ 

“ให้อภัย และ ปล่อยวาง ” 4 ลำดับ

พฤศจิกายน 15, 2561
  
        "การให้อภัย และปล่อยวาง"  ทำยากนะ แต่หากทำได้มันก็ดีสำหรับใจเรา และสำคัญเลยนะมันช่วยเยียวยาอาการซึมเศร้า หรือเหตุการณ์สะเทือนใจได้เป็นอย่างดีค่ะ เริ่มที่  >>

   1. จงเผยตัวตนของเราออกมา
ข้อนี้ต้องซี่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อความรู้สึกโกรธ ความเจ็บปวด แล้วประเมินความเสียหาย ที่สิ่งต่างๆ ที่เกิดกับเราได้ส่งผลต่อชีวิต หากพ่อแม่เลี้ยงดูเรามาแบบให้เราเติบโตอย่างไร้ค่า แล้วทุกวันนี้คุณรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า?  คุณโหยหาความรัก หรือการยอมรับในทางที่ผิดอยู่หรือเปล่า?


   2. กล้าตัดสินใจ
ต้องตัดสินใจให้อภัย แก่คนที่ทำให้เราเสียใจ และปล่อยวางความเจ็บปวด เคียดแค้นนั้นไปซะเร็วๆ โดยขโมยงาน ขโมยไอเดีย คำพูดหรืออะไรก็แล้วแต่ และไม่ยอมให้เครดิตกันเลย แบบนี้ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนแปลง และหาวิธีรับมือกับคนพวกนี้ ปล่อยไว้ในระยะยาวความรู้สึกด้านลบ และความโกรธไม่ได้เหล่านี้ไม่ได้ช่วยทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย


   3. พยายามให้มาก
ใช่แล้วเราต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายเลย ที่จะเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจคนที่ทำให้เราเสียใจ เสียความรู้สึก  - เอ็นไรท์  แนะนำว่าเราควรตั้งคำถามกับตัวเอง เช่นคนนี้เขาถูกเลี้ยงดู และเติบโตขึ้นมาอย่างไร?  เขามีปม หรือบาดแผลทางใจอะไรอยู่หรือไม่? หรือเพราะความเครียด กดดัน ที่เป็นสาเหตุให้เขาทำร้านจิตใจความรู้สึกเรา?
นึกถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราอาจให้คนนั้นได้ไม่ว่ารอยยิ้มทักทาย พูดคุยด้วย หรือแค่อดทนให้มากขึ้นในครั้งต่อไปที่ต้องเจอกันอีก จำไว้ว่าการให้อภัย กับการประนีประนอมนั้นไม่เหมือนกันนะ หากต้องทนกับความสัมพัน์ที่ใช้กำลังหรือความรุนแรง การให้อภัยก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำต่อนะ


   4. ค้นหา ความหมายของสิ่งที่พบเจอ
ให้ค้นหาความหมายของเรื่องราว และจุดประสงค์ที่ต้องประสบมา เราจะช่วยคนที่กำลังเจ็บปวดได้อย่างไรล่ะ? เช่นเราตกเป็นเหยื่อของเรื่องราวเลวร้าย เราอาจลุกขึ้นสู้ในเรื่องที่มันถูกต้องให้มากขึ้น  - เอ็นไรท์กล่าวว่าเมื่อคุณปล่อยวาง คุณจะได้พบว่า "หากเรามอบความเมตตาเอื้ออาทร และความรักให้แก่ผู้อื่น เราเองก็จะได้รัการเยียวยาเช่นกัน"

        มาหัดฝึกปล่อยวาง และให้อภัย แล้วใจเราจะเบา ใจเรา ชีวิตเราจะเหลือพื้นที่ให้สิ่งดีๆ คนดีๆ เพื่อนดีๆ และมีพลังที่สร้างสรรค์ให้กับตัวเรามากขึ้นเยอะ  ที่ผ่านไปให้อภัยได้แล้วจงนำมาเป็นบทเรียนใช่ว่าเราจะไม่จำนะ "จำแม่นๆ" จะได้ไม่พลาดอีก


5 วิธี ให้คุณเลิกเบื่อ "วันจันทร์"

กันยายน 15, 2561

    วันจันทร์อีกแล้ว!!!   เห่อ...ยังหยุดพักไม่หนำใจเลย วันจันทร์เร็วจัง  ฮั่นแน่ ..หลายคนคิดแบบนี้อยู่หรือเปล่า แต่ถึงยังไงเสียเราก็หนีวันจันทร์ไม่พ้นหรอก เรามาหาวิธีแก้ไขกันดีกว่าแค่ 5  ข้อนี้ค่ะ

     1.   พยายามทำงานให้เสร็จไว้ตั้งแต่วันพฤหัสฯ  -  เพื่อให้งานของเราเหลือน้อยที่สุดในวันศุกร์ ถ้าหากมีการแก้ไขงาน คุณยังจัดการแก้ไขได้ทัน

     2.   โน๊ตงาน เย็นวันศุกร์ให้ลิสต์ไว้ได้เลยว่าวันจันทร์ต้องทำงานอะไรบ้าง  - วิธีนี้จะช่วยลดความกังวล และช่วยเตือนความจำได้ดีทีเดียว

     3.    ลืมไม่ได้คือจัดลำดับความสำคัญของงาน   -  เพราะจะช่วยให้เราแบ่งเวลาการทำงานได้ดียิ่งขึ้นไปอีก

     4.   ช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์   -  ขอให้พักผ่อน และใช้เวลาส่วนตัวกับครอบครัวให้เต็มที่

     5.  ช่วงเช้าวันจันทร์ให้เตรียมตัวแต่เช้า  -  ออกจากบ้านให้เช้ากว่าวันอื่นๆ เพื่อเลี่ยงปัญหารถติด

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะค๊ะ ข้อ 2,และข้อ 3 นำไปใช้ได้ผลดีในทุกๆ วันเลยค่ะ ค่อยๆ จัดระเบียบกันไป
 เป็นกำลังใจให้นะคะ  แล้วเจอกันใหม่  >>>>>


  

เคล็ดลับความสำเร็จ จาก "คนสำเร็จ"

กรกฎาคม 20, 2560
   
     ที่ผ่านมานั้นการที่จะประสบความสำเร็จและจัดการกับทุกเรื่องได้รอบด้านไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เรามีวิธีที่จะช่วยให้เราได้ก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว วันนี้เรามีตัวอย่างจาก "คนสำเร็จ" ประมวลจากบุุคคลทั้ง 6 ท่าน ทั่งโลก

     1.  คิดใหญ่   (ไมเคิลแองเจโล บัวนารอตติ) ศิลปินเรอเนซองส์ผู้ยิ่งใหญ่ บอกกับเราว่า แท้จริงแล้วหายนะของคนเราไม่ได้อยู่ที่ว่าหวังสูงเกินไปแล้วล้มเหลวอย่างรวดเร็ว แต่อยู่ที่การตั้งเป้าต่ำเกินไป แล้วไปได้แค่จุดนั้นต่างหาก

     2.  หาให้เจอว่าอะไรคือสิ่งที่คุณรัก  (โอปราห์ วินฟรีย์)  พิธีการหญิงชื่อดังชี้ทางสว่างให้เรา ถ้าเมื่อไรเจองานที่ยังไงก็อยากทำแม้ไม่ได้ค่าจ้าง แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว

     3.  รู้ว่าจะบาลานซ์ซีวิตตัวเองยังไง  (ฟิล ไนท์) CEO แห่ง Nike บอกว่าในชีวิตการทำงานและธุรกิจเราต้องเจอการฟาดฟันกันเสมอระหว่างความสงบสุข และความสับสนวุ่นวาย แต่ถ้าเรารู้วิธีที่จะรับมือกับมัน นั่นคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

    4.  อย่ากลัวความล้มเหลว  (เฮนรี่ ฟอร์ด)  เอ่ยวาทะให้กำลังใจไว้ว่า "ความล้มเหลวคือโอกาสให้เราได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างชาญฉลาดขึ้น"

     5.  จงลงมือทำ  (ลีโอนาร์โด ดา วินชี่) ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้คนที่ประสบความสำเร็จนั้นน้อยมากที่จะเป็นคนที่นิ่งอยู่กับที่เฉยๆ ส่วนมากพวกเขามักเป็นฝ่ายก้าวออกไป แล้วลงมือทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ

      6. กล้าพอที่จะทำตามสัญชาตญาณ (สตีป จ๊อบส์) พิสูจน์มาแล้วจึงยืนยัน ให้กล้าทำตามหัวใจ และสัญชาตญาณตัวเอง เพราะเราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าแท้จริงต้องการเป็นอะไร

             สุดท้ายแล้วเมื่อเราทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ความมั่งคั่งย่อมตามมา เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเป็น หน้าที่ของเรา ที่จะต้องดูแลสถานภาพทางการเงินให้มั่นคงได้แค่ไหน? 

ตั้งเป้ารวย ก่อนแก่

กรกฎาคม 01, 2560


      เรื่องเงิน เป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งอายุเริ่มมากขึ้นหลายท่านพยายามหาแนวต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคง และให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวัยทำงาน แต่ลืมนึกถึงแผนการเงินที่ทุกคนต้องเจอแน่นอน คือแผนเกษียนอายุ ปัจจุบันประชากรมีแนวโน้มอายุยืนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่ามั้ย วันนี้มี 3 เรื่องหลักที่ต้องรู้ เพื่อต้งเป้าไว้ก่อนวัยเกษียน 

    1.  รู้ตัวเลข เพื่อตั้งเป้าก่อนวัยเกษียน  จะต้องทราบข้อมูล เพื่อใช้กำหนดเป้าหมายทางการเงิน 
         - สิ่งแรก ต้องการใช้จ่ายหลังเกษียนต่อเดือนเท่าไหร่? 
         - สิ่งที่สอง จำนวนปีที่จะใช้เงินหลังเกษียน ซึ่งเป็นข้อมูลที่คาดการได้ยาก จากการสำรวจค่าใช้จ่ายหลังเกษียน พบว่า ค่าใช้จ่ายควรมีอย่างน้อย 15,500 บาทต่อเดือน และจากข้อมูลของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2556 พบว่า ประชากรไทย ผู้ชายมีอายุเฉลี่ย 71.1 ปี ในขณะที่ผู้หญิงมีอายุเฉลี่ย 78.1 ปี ดังนั้นให้ใช้จำนวนปี่ที่จะใช้เงินหลังเกษียนอย่างน้อย 20 ปี ขึ้นไป

     2.  รู้ทางเลือก เพื่อสร้างความมั่งคั่ง ก่อนหยุดทำงาน
          - ทางเลือกแบบจำเป็น  เป็นทางเลือกที่ผู้มีรายได้ประจำอาจมีอยู่ แต่ไม่ทราบสิทธิประโยชน์ทีจะได้รับ เช่น กองทุนประกันสังคม เป็นแหล่งเงินออมภาคบังคับสำหรับผู้มีรายได้ประจำ หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ที่สามารถเลือกสัดส่วนการออมเงินได้ที่มี เพื่่อสะสมไว้ใช้ยามเกษียน 
          - ทางเลือกแบบแนะนำ เป็นทางเลือกที่ผู้มีรายได้ประจำ หรือเจ้าของกิจการสามารถใช้เป็นทางเลือกในการออมเพื่อเกษียนได้ โดยภาครัฐจะใช้มาตรการทางภาษีในการจูงใจให้ออมเงิน เช่นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นประกันแบบบำนาญ
          -  ทางเลือกตามสไตล์คุณ  เป็นทางเลือกในการออมต่างๆ เช่น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือกองทุนรวมทั่วไป

     3.  รู้ทางลง เพื่อปรับเปลี่ยนแผนพิชิตเป้าหมาย  ข้อควรรู้สุดท้าย คือ ต้องรู้ทางเลือก (ในการ) ลง (ทุน)  หลังจากรู้ตัวเลขของเป้าหมายทางการเงิน และรู้ทางเลือกว่าจะมีแหล่งเงินออมจำนวนเท่าใด จะทำให้รู้เป้าหมายในการออมเพิ่ม จึงมาสู่ขั้นตอนในการจัดสัดส่วนเท่าไร และมีโอกาสจะบรรลุเป้าหมายรวยก่อนแก่ได้มากหรือน้อยเพียงใด นอกจากหาแผนปฏิบัติการได้แล้วว่าจะออมเท่าไร และจะลงทุนอย่างไร สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอีกประการ คือ การติดตามผลว่าเมื่อดำเนินการตามแผนที่วางไว้แล้ว จะมีผลตอบแทนเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ และจะปรับแผนการออมอย่างไรต่อไป เพื่อให้ยังสามารถบรรลุเป้าหมายรวยก่อนวันเกษียนไว้ได้ดังเดิม

เรียนรู้ และพัฒนา 70 : 20 : 10

กรกฎาคม 01, 2560


    การเรียนรู้  และพัฒนา แบบ 70 : 20 : 10  มีจุดมุ่งหมายคือให้พนักงานได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพสูงที่สุด ได้กำหนดเป็นแนวทาง ดังนี้

     70%     เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงจากการทำงาน การเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ ต้องออกแบบให้การทำงานในทุกๆ วันของพนักงานมีโอกาสได้เรียนรู้จากหน้างานจริงๆ หรือการได้รับมอบหมายงานใหม่ จากหัวหน้างาน 

     20%     เรียนรู้จากบุุคคลอื่นๆ รอบข้าง ซึ่งก็คือเรื่องของการ Coaching และ Feedback จากหัวหน้างาน หรือจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในการทำงาน บางครั้งอาจใช้การประชุมทีม เพื่อที่จะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และได้แชร์ประการณ์ของแต่ละคนในทีมงาน

     10%     เรียนรู้จากการเข้าอบรมอย่างเป็นทางการ รูปแบบการเรียนรู้แบบ 70 : 20 : 10 นี้จะเน้นการอบรมอย่างเป็นทางการน้อยมากเพียง 10% เท่านั้น เพราะเชื่่อว่าคนเราจะเรียนรู้และเข้าใจเรื่องนั้นๆ ได้จริงไม่ใช่มาจากการฝึกอบบรม แต่จะมาจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรง 

    

4 สัญญาณเตือน ความเครียด

มิถุนายน 25, 2560


    "ความเครียด" เป็นภัยเงียบ มักมาโดยเราไม่รู้ตัวเสมอ กว่าจะรู้ว่าเครียดก็กลายเป็นอาการป่วยไปเสียแล้ว แต่เรามี 4 วิธีเช็คอาการตั้งแต่เริ่มแรกว่าความเครียดมาเยือนเราหรือยัง?

    1. ฝันแปลกๆ  หรือฝันร้าย  หากเกิดความเครียดคนเรามักตื่นต่อเนืองๆ ก่อจินตนาการทางลบ และกลายเป็นฝันร้าย
      วิธีแก้  : ควรเลี่ยงดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน

     2. ปวดศีรษะ  เมื่อหยุดความตึงเครียดทันทีทันใดมักก่ออาการไมเกรน เพราะฉะนั้น อาการปวดศีรษะในวันหยุดจึงอนุมานได้ว่ามาจากความเครียดจากวันทำงานที่เราไม่รู้ตัว
     วิธีแก้  :  พยายามทานอาหารให้ตรงเวลา ในวันหยุด


     3. ปวดท้องประจำเดือน  ความเครียดทำให้การทำงานของฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน และผู้ที่เครียดมักมีอาการปวดท้องเมื่อมีประจำเดือนมากเป็น 2 เท่า ของผู้ที่ไม่มีความเครียด
     วิธีแก้  :  ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ

     4. เจ็บเหงือกโดยไม่ทราบสาเหตุ  บางทีอาจเป็นเพราะนอนกัดฟันก็ได้ เพราะผู้ที่เครียดมักชอบกัดฟัน
     วิธีแก้  :  พบทันตแพทย์ แจ้งอาการ พร้อมกับขอที่ครอบฟันเวลานอน ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า 70% ของผู้ที่ใส่ครอบฟันเวลานอน นอกจากคลายเครียดแล้ว อาการเจ็บเหงือกหรือฟันแล้ว ยังหยุดอาการนอนกัดฟันได้ด้วย

   ถ้ารู้แบบนี้แล้วเมื่่อพบวาตนเองเครียด ให้หาสาเหตุและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อสุขภาพดี

ความเครียดคนทำงาน เกิดขึ้นได้อย่างไร?

มิถุนายน 24, 2560

"ทำไม? คนทำงานถึงเครียด"  เครียด ๆๆๆๆ อยากรู้มั้ยความเครียดของคนทำงานเกิดขึ้นได้อย่างไร

     แพทย์หญิงฉันทนา ผดุงเทศ ผู้ช่วยผู้อำนวยสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ให้คำอธิบายว่า "ความเครียดจากการทำงาน" เกิดจากสองปัจจัยคือ 1. ปริมาณงานที่เหมาะสม , 2. งานที่ควบคุมได้

   ^__^   ถ้าหากคนทำงานได้รับปริมาณงานที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป และควบคุมการทำงานนั้นๆ ให้ออกมาดีได้ ก็จะไม่มีความเครียดมารบกวนชีวิต แต่หากงานมีปริมาณมากจนควบคุมไม่ได้ ความเครียดก็จะค่อยๆ สะสมขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย  
      ^__^   ในทางจิตเวช  ความเครียดจากการทำงาน เกิดจากการที่แต่ละคนมีกลไกการปรับตัวไม่เท่ากัน บางคนเกิดมาไม่เคยเจอความทุกข์ หรือความเครียดเลย จึงเกิดอาการสติแตกได้ง่ายๆ เมื่อต้องทำงานภายใต้สภาวะกดดันหรือมีปัญหางานเข้ามาให้แก้ไขอยู่เรื่อยๆ  
      ^__^   ส่งผลให้อาจมีการตอบสนองรุนแรงมาก เช่น วีนแตกใส่คนรอบข้าง หรือมีอาการทางกาย เช่น มึนศรีษะ เป็นไข้ ปวดท้องรุนแรง จนกลายเป็น โรคไซโคมาติกซินโดรม 
     ^__^    วิธีแก้ไข เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว หมั่นหาวิธี หาเวลา ผ่อนคลายเพื่อป้องกันความเครียดถามหากันบ้างค่ะ