แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด

น้ำมะเขือเทศ ช่วยลดความดัน

พฤศจิกายน 25, 2563
    

      > มะเขือเทศ มีดี อีกแล้วค่ะ<

ในการประชุมแพทย์ที่อเมริกา นายแพทย์ต่างลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ไม่ต้องกังวลมากอีกแล้ว

     เพียงแต่ทุกเช้า และก่อนนอน ให้ดื่มน้ำมะเขือเทศครั้งละ 1 แก้วก็พอ หากว่าน้ำมะเขือเทศจะมีรสเฝื่อนควรผสมกับน้ำผลไม้รสอื่นๆ ด้วยก็ได้ (แต่อย่าให้รสหวานมาไปนะคะ)

        แค่นี้เอง ไม่ยากใช่มั้ยล่ะ แถมน้ำมะเขือเทศยังช่วยในเรื่องผิวพรรณอีกด้วยค่ะ

ยังมีเรื่องราวที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย ใน "สาระ1000เรื่อง"  >>>

ระดับน้ำท่วมแค่ไหน - ปลอดภัยเมื่อขับรถ

กรกฎาคม 30, 2563

   ฝนตก...น้ำท่วม!!  และแล้วก็เป็นอุปสรรคการเดินทาง ทั้งรถติด แถมน้ายังท่วมขังอีก ถ้าต้องขับรถลุยน้ำที่ท่วมขังแล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่ารถของเราจะไม่เป็นอะไร เรามีระดับความสูงของน้ำมาฝากกัน

     1. ระดับความสูงของน้ำ 10 - 30 เซนติเมตร
         ประมาณจากขอบฟุตบาท หรือประมาณตาตุ่ม ถึงกลางหน้าแข้ง รถเล็ก (เก๋ง,กระบะ) สามารถวิ่ง
         ได้ อาจได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมอยู่ที่ใต้ท้องรถ แต่ยังขับต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหาอะไร

     2. ระดับความสูงของน้ำ 20 - 40 เซนติเมตร
         ประมาณขอบประตูรถของรถเก๋งทั่วไปที่มีระยะสูงจากพื้น 150 - 170 ม.ม. หรือประมาณหัวเข่า
         ถึงต้นขา ระดับนี้รถเก๋งไม่สามารถวิ่งได้แล้ว เพราะท่อไอเสียจะจมน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่รถขนาด
         ใหญ่อย่าง รถเมล์, รถทหาร ยังสามารถวิ่งได้ ส่วนรถกระบะยังพอวิ่งได้

      3. ระดับความสูงของน้ำ 40 - 60 เซนติเมตร
          รถกระบะทั่วไปยังพอวิ่งได้ แต่ต้องระวังคลื่นน้ำสูงที่ลอยมากระทบตัวรถ และอาจเข้าไปในตัว
          เครื่องยนต์ได้ ระดับน้ำขนาดนี้ควรปิดระบบปรับอากาศขณะขับทุกครั้ง

      4. ระดับความสูงของน้ำ 60 - 80 เซนติเมตร

          ระดับนี้เป็นระดับที่อันตรายกับรถทุกประเภท เพราะน้ำอาจไหลเข้ากรองอากาศได้ง่าย หากน้ำ
          ไหลเข้ากรองอากาศแล้วจะทำให้เครื่องยนต์หยุดชะงัก และสร้างความเสียหายต่อระบบต่างๆ
          ของรถได้ หรือหากจำเป็นต้องขับลุยไป ควรหาอะไรมาปิดตัวถังด้านหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำ
          ไหลเข้ากรองอากาศ ที่สำคัญอย่าขับปะทะคลื่นโดยตรง ควรค่อยๆ ขับช้าๆ เพื่อไม่ให้เครื่องดับกะทันหัน

   จะให้ดีไม่ควรเสี่ยงจะดีกว่า แต่หากเลี่ยงไม่ได้หรือจำเป็นควรดูระดับของน้ำข้างต้น "สาระ1000เรื่อง"

7 ข้อดี "ดื่มกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล"

มิถุนายน 10, 2563

    ประโยชน์ของการดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลในตอนเช้าตอนท้องว่างวันละแก้วช่วยทำให้ความจำดีขึ้นมาก

ทราบหรือไม่ว่าการดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลมีประโยชน์เยอะมาก พอได้ดื่มแล้วจะทำให้ร่างกายสดชื่น กระปี้กระเปร่าพร้อมสำหรับการทำงานในเช้าวันใหม่นี้ด้วย นอกจากนั้นยังมีส่วนในการช่วยขยายหลอดเลือดและขับปัสสาวะได้ดีอีกด้วย ฉะนั้นก็ควรจะเลือกทานกาแฟที่มีคุณภาพด้วยนะ มาดูกันว่ากาแฟดี ๆ ดื่มกันอบย่างไร

ดื่มกาแฟวันละกี่แก้วถึงจะอยู่ในความพอดี  นั่นสินะ ซึ่งจำนวนนั้นไม่ได้มีผลตรงกับจำนวนคาเฟอีนในกาแฟนะ ซึ่งร่างกายควรได้รับคาเฟอีนเพียงวันละไม่เกิน 180 – 200 มิลลิกรัมเท่านั้นสมองจะได้ไม่โดนกระตุ้นมากเกินไป ถ้าได้รับเยอะไปจะทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ หงุดหงิด ปวดหัว และ ท้องเสีย ได้เหมือนกัน

ประโยชน์ของการดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลในตอนเช้า

1. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เป็นอย่างดี พุงยุบน้ำหนักลด

กาแฟนั้นช่วยแยกจับไขมัน โดยเฉพาะคนที่ชอบทาน เนื้อและอะไรที่มันย่อยยาก ๆ กาแฟ 1 แก้วไร้น้ำตาลจะไปช่วยย่อยให้เร็วขึ้น ดื่มแล้วลดไขมันตกค้าง ทำให้น้ำหนักลดและไม่ลงพุงอีกด้วย

2. ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
มีงานวิจัยหลายตัวยืนยันแล้วว่ากาแฟแบบไม่ใส่น้ำตาลนั้นช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ และโ รคอื่น ๆ ได้ แน่นอนคาเฟอีนเป็นตัวช่วยยับยั้งนั่นเอง อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดโรคอื่น ๆ ได้เยอะเหมือนกัน รวมถึงเบาหวาน ด้วยนะ

3. ดื่มกาแฟตอนเช้าจะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น
กาแฟทำให้สมองปลอดโปร่งเลยส่งผลให้ความจำดีขึ้น อารมณ์ก็จะดีขึ้นอีกด้วย มีจิตใจสงบ แต่จะต้องดื่มในปริมาณที่เหมาะสม

4. บำรุงร่างกายให้ไม่แก่เร็ว
พอลองเปรียบกับคนดื่มกาแฟเป็นประจำแบบไม่ใส่น้ำตาลกับคนที่ไม่ดื่ม ปรากฏว่าคนที่ดื่มสมรรถภาพทางร่างกายจะแข็งแรงกว่า เคลื่อนไหวดีกว่า ลุก นั่ง ยืน เดิน ได้คล่องตัวมากกว่า เนื่องจากคาเฟอีนเป็นตัวช่วยกระตุ้นนั่นเอง ทำให้มีแฮงฮึดขึ้นตั้งเยอะ

5. ดื่มกาแฟบำรุงผิวได้ดี
ต้องกาแฟไม่ใส่น้ำตาลเท่านั้นนะถึงจะดี จะทำให้ระบบไห ล เวียนเลือดทำงานปกติ ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานดี ช่วยแก้ท้องผูกอีกด้วยทำให้ผิวดีมากขึ้น

6. ลดความเสี่ยงการเป็นนิ่ว
อีกหนึ่งโรคลดความเสี่ยงได้ด้วยกาแฟ ก็มีผลสำรวจพบว่า สตรี ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ 4 แก้ว/วัน นั้นลดโอกาสจะเป็น โรคนิ่ว ในถุงน้ำดีลงถึง 25 % เลยทีเดียว

7. ดื่มกาแฟแก้เครียด
หากเครียดการดื่มกาแฟจะช่วยได้เยอะเลย หรือเวลาเหนื่อย ๆ มาจิบกาแฟสักหน่อยทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้นั่นเอง โดยดื่มกาแฟ 2 – 3 แก้ว/วัน ลดความเครียดได้ 15 % เลย

การดื่มกาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาลยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายอย่างเลยด้วย อย่างน้อยก็เอาเป็นว่าทานแบบไม่มีน้ำตาลดีกว่ามีน้ำตาล ใส่วิปครีมเยอะเลยนะ เพราะน้ำตาลจะยิ่งอ้วน ยิ่งเสียสุขภาพด้วยนะ ถ้าจะให้ดีฝึกดื่มกาแฟแบบไม่ใส่น้ำตาลจะดีกว่า

 

"กล้วย" ประโยชน์เยอะ (รู้ยัง?)

สิงหาคม 29, 2562
     "กล้วย" ไม่มีใครไม่รู้จัก แต่จะรู้หรือไม่? ว่ามีประโยชน์มากมายกว่าที่เราคิด มากยังไง? เรามารู้จักกับบรรดากล้วยๆ กัน ให้ดีกว่านี้ค่ะ



     เริ่มที่ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือกล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยที่ให้พลังงานมากที่สุด รองลงมาก็เป็นกล้วยไข่ แล้วตามด้วยกล้วยหอม
     นอกจากจะให้พลังงานกับเราแล้ว กล้วยยังอุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ เหล็ก อีกอย่างมีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย

      ใครที่ท้องผูกบ่อยๆ ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ให้ทานกล้วยสุกเป็นประจำติดต่อกัน จะช่วยเรื่องการระบายถ่ายท้องได้ผลดีค่ะ (สาวๆ ท้องผูกบ่อยไม่ดีนะค๊ะ)
      ใครที่ท้องเสีย ให้ทานกล้วยห่ามๆ ครั้งละ 1 ลูก จะช่วยทุเลาอาการได้ค่ะ (หรือทานเป็นกล้วยดิบก็ได้ค่ะ)
     ในวันที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ใครที่เจ็บคอ หรือมีอาการไอแห้วๆ และไอมากๆ  ให้ทานกล้วยสุกวันละ 5 - 6 ลูก รับรองช่วยบรรเทาอาการไอ และเจ็บคอให้ดีขึ้นได้

    กล้วยดีกับสุขภาพผิวด้วยนะ ถ้าสาวๆ อยากผิวพรรณดี และสวยอย่างมั่นใจ ไร้กลิ่นปาก ให้ทานกล้วยน้ำว้าทุกเช้า (ก่อนแปลงฟัน) ทานติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ ปากจะหอม ผิวจะผ่อง ว้าว!! สุดยอด ^___^^

       รู้อย่างนี้แล้วผลไม้ในสวนที่บ้านของเราเอง ก็มีประโยชน์มากมายจริงๆ หาทานง่ายๆ ใกล้ๆ ตัวเราแถมได้ทั้งพลังงาน ได้ทั้งสุขภาพ

     โปรด-ติด-ตาม-ตอนต่อไป >>>>

สตรอว์เบอร์รี - ผลไม้หัศจรรย์



เมื่อนึกถึง สตรอว์เบอร์รี  แล้วจะนึกถึงผลไม้ที่ทานอร่อย และใครๆ ก็ชอบทาน แต่จะรู้หรือไม่ว่า สตรอว์เบอร์รี นี้มีประโยชน์มากมาย ตามมาดูกันค่ะ

1. ทานในปริมาณ 1 ถ้วย จะให้พลังงานเพียง 49 kcal

2. มีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในเรื่องการขับถ่าย

3. ช่วยล้างพิษที่สะสมในร่างกาย

 4. ช่วยบำรุงสายตา และบำรุงระบบประสาท

  5. ช่วยรักษาแผลในปาก

6.   ห่างไกลจากโรค เช่น ลดความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, มะเร็งลำใส้, นิ่วในไต

       ได้รู้กัน แบบนี้แล้วเราต้องรีบหามาทานประจำแล้วล่ะ.... >>

4 เคล็ดลับ .. ช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลง

สิงหาคม 28, 2562


      มีผลการศึกษาจาก Centers for Disease Control and Prevention พบว่า ร้อยละ 80 ของผู้ที่ลดน้ำหนักสำเร็จ และสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่คงที่ได้นั้นใช้หลักการเดียวกัน คือ ทานให้น้อยลง ซึ่งอาจทำตามได้ยาก ยังไงก็อยากให้ลองใช้ตัวช่วย เพื่อให้ลดความอยากลงได้ มีวิธีมาแนะนำค่ะ

     1. อย่าทาน ขณะดูทีวี   เพราะผลการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยแมสซาซูเซตส์ บอกว่า คนส่วนใหญ่จะทานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 แคลอรี่ เมื่อดูทีวีไปด้วย
     2. อย่าทาน ขนมขบเคี้ยวจากถุง  เพราะโอกาสที่จะทานหมดถุงมีสูงมาก ควรใช้ภาชนะแบ่งเพื่อควบคุมไม่ให้ทานมากจนเกินไป
     3. เคี้ยว ให้ช้าลง  เพราะกว่าร่างกายจะส่งสัญญาณว่า "อิ่ม" จากท้องขึ้นไปสู่สมอง ใช้เวลากว่า 20 นาที ดังนั้น ควรชะลอเวลาด้วยการเคี้ยวให้นานขึ้น เพื่อช่วยให้ย่อยง่าย และเว้นช่วงระหว่างคำ ด้วยการหายใจเข้า-ออกช้าๆ 
     4. เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเดินเล่นนอกบ้าน หรือทำกิจกรรมที่ไม่ต้องเห็นอาหาร เพราะนักวิจัยจากประเทศออสเตเลีย พบว่า การเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการถอยห่างให้พ้นจากอาหาร หรือตู้เย็นจะช่วยลดความอยากอาหารลงได้

         ค่อยๆ ปรับกันไป เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ .......^^
     


6 สุดยอดอาหารเพื่อเสริมร่างกายให้แข็งแรง

สิงหาคม 10, 2562


บลูเบอร์รี่ - บำรุงสายตาให้คมชัด 
     อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยฟื้นฟูและบำรุงสายตามให้แข็งแรง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นักบินรบในสมัยนั้นต้องรับประทานบลูเบอร์รี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยบำรุงสายตาในยามที่ต้องบินตอนกลางคืนด้วย



ข้าวโอ๊ต - เพิ่มพลังงาน
     ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ซึ่งช่วยให้ร่างกายมีพลัง และไม่เหนื่อยล้าง่าย ค่ะ








กะหล่ำปลีสีม่วง - บำรุงเส้นผมให้เงางาม
     มีธาตุเหล็ก และแคลเซี่ยม ซึ่งเป็นสารอาหารหลักเพื่อช่วยให้เส้นผมเงางาม






บราซิล นัท - บรรเทาอาการซึมเศร้า
     ถั่วต่างๆ โดยเฉพาะบราซิล นัท อุดมไปด้วยธาตุซีเลเนียม (Selenium) ที่ช่วยทำให้อารมณ์สดชื่นขึ้นได้ค่ะ




น้ำมันปลา และเมล็ดลินซีด (Linseeds) - บำรุงผิวให้อ่อนเยาว์ 
     ทั้ง 2 อย่างนี้มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีความสำคัญต่อการบำรุงผิวกาย และเล็บให้ชุ่มชื่น




ผักชี - บรรเทาความเครียด
     อุดมด้วยวิตามิน B1 B2 B6 และ B12 ซึ่งช่วยในเรื่องบำรุงสมองให้ผ่อนคลาย




ติดตามสาระดีๆ ได้อีกเร็วๆ นี้ค่ะ

"คลายเครียด" เพราะ 3 อย่างนี้

สิงหาคม 10, 2562

     
     เครียด... มากจะทำยังไงดี ความเครียดมักมาเยี่ยมโดยไม่ได้รับเชิญอยู่บ่อยๆ อาหารการกินก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้คลายความเครียดของเราได้บ้าง วันนี้เรามาดูว่ามีอะไรบ้างค่ะ
     
      เชอร์รี่     เครียดจนนอนไม่หลับ ผลเชอร์รี่ช่วยคุณได้ เชอร์รี่มีสารเมลาโทนินสูง ทานแล้วจะช่วยให้คุณหลับสนิท ไม่ว่าจะเครียดจากเรื่องงาน เรื่องเรียน หรือปัญหาใดๆ ลองทานผลเชอร์รี่สด หรือเครื่องดื่มที่ทำจากเชอร์รี่ ซิคะรับรองหลับสบายหายห่วงค่ะ

      ปลา     กินปลาย่อยง่ายไม่อ้วน แถมยังทำให้มีสุขภาพจิตดี เพราะมี DHA หรือกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง โดยเฉพาะปลาทะเล DHA มีความจำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อสมองและระบบประสาท คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วนะคะว่ากินปลาแล้วฉลาด อาหารมื้อต่อไปอย่าลืมทานปลากันนะคะ
     ช็อคโกแล็ต     ช็อคโกแล็ตมีสารฟินิลลัลลามีน (Phenylalamine) เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อารมณ์ดี แต่อย่าเผลอทานเยอะล่ะ ระวังจะเพิ่มความอ้วนโดยไม่รู้ด้วยนะ

      ถ้าเครียดเมื่อไหร่ อยาลืมลองทานอาหารคลายเครียดกันดู รับรองได้ผลดีเกินคาด และไม่ทำให้เสียสุขภาพด้วยค่ะ
    
                    ติดตาม สาระดีๆ กันได้ใหม่ค่ะ ....บาย >>>>> 

6 วิธี .. เลือกรองเท้าออกกำลังกายอย่างไรให้ปลอดภัย

สิงหาคม 10, 2562


     การเลือกรองเท้าออกกำลังกายที่กูกกับสรีระของเท้าและใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการ บาดเจ็บได้อย่างมาก ดังนั้น ถ้าคู่ที่ใช้อยู่เริ่มสึกหรอลง ควรเริ่มมองหาคู่ใหม่ได้แล้ว โดยมีเคล็ดลับในการเลือกมาฝากกันค่ะ

     1. ควรซื้อรองเท้าในช่วงบ่าย หรือตอนเย็นของวันเพราะเท้าจะขยายเต็มที่ จะทำให้รู้ขนาดของเท้าที่แท้จริงได้
     2. หากเท้าทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน ให้เลือกไซส์ตามข้างที่ใหญ่กว่าเสมอ
     3. เลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับกีฬาที่เล่น
     4. พกถุงเท้าที่ใส่เวลาออกกำลังกายไปด้วย เพื่อลองสวมกับรองเท้าคู่ใหม่ ควรทดลองเดินหรือวิ่งดูเพื่อทดสอบความสบายเท้า
     5. ลองงอที่รองเท้า เพื่อดูว่ามีความยืดหยุ่นดีหรือไม่ รองเท้าที่ดีไม่ควรงอง่าย หรือแข็งเกินไป
     6. สำหรับผู้หญิงที่มีเท้าขนาดใหญ่และกว้าง แนะนำลองมองหารองเท้ากีฬา ของผู้ชายเพราะหัวรองเท้าส่วนใหญ่จะออกแบบให้มีความกว้างกว่ารองเท้าผู้หญิง 

                วิธีง่ายๆ เพื่อความสะบาย และความปลอดภัย  ....^^
 

เลือกเติมน้ำมันเวลาใด? จะได้น้ำมันมากที่สุด


     ในภาวะที่น้ำมันแพงในปัจจุบัน ที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองของรัสเซียกับสหรัฐ ส่งผลให้รัสเซียเพิ่มราคาน้ำมันผสานกับ นักค้าเงินจากอเมริกาไล่เก็งราคาน้ำมันจึงทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นนั้น 

     พวกเราก็สรรหาทุกวีถีทางในการประหยัดการใช้น้ำมัน และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมัน ไปจนถึงประสิทธิภาพในการเติมน้ำมัน

     ถ้าหากจะเติมน้ำมันให้ได้ปริมาณมากที่สุด ควรเติมในช่วงเวลา 04.00 - 06.00น. เพราะเป็นช่วงที่สาภาวะอากาศเย็น อุณหภูมิพอเหมาะน้ำมันมีความหนาแน่นสูงสุดของวัน และแรงดันของตัวจ่ายน้ำมันจะไม่เกิดแรงดันลมมากเกินไป ทำให้ปริมาณน้ำมันที่ออกมามีลมปนอยู่น้อยกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ใครรู้เทคนิคนี้แล้ว ก็อย่าลืมบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะค๊ะ

                       มีดีอีกเยอะ ......
      

"หอมแดง" สารพัดประโยชน์

มิถุนายน 28, 2562
      คนโบราณจะมีวิธีแก้อาการไข้หวัดด้วยการใช้สมุนไพรในครัวมาแก่อาการ และมีประโยชน์อีกมากมาย และหาได้ง่ายๆ
เชื่อไหมว่าคนสมัยก่อน จะนำหอมแดงมาทุบ พอบุบๆ แล้วนำมาวางใกล้ๆ หัวนอนเด็กที่เป็นไข้หวัด เมื่อได้กลิ่น หรือสูดดมกลิ่นเข้าไปจะช่วยรักษาและบรรเทาลงได้


     จากการวิจัยทางการแพทย์แล้วว่าหอมแดง มีสารประกอบมากมายที่รักษาอาการหวัดได้ เพราะสูดดมสารในหอมแดงจะทำให้โล่งจมูกในตำราการแพทย์สมัยก่อนได้มีการบันทึกไว้ว่า หอมแดงจะเผ็ดร้อน มีสรรพคุณแก้ไข้, ขับเสมหะ แพทย์แผนโบราณอธิบายไว้ว่า คนที่มีเป็นหวัดธาตุลมจะไม่ดีติดขัดเพราะมีธาตุน้ำ อย่างน้ำมูกเยอะต้องใช้สารที่มีความร้อนในหอมแดงการไหลเวียนจะดี เขาทำแบบนี้ค่ะ นำหัวหอมมาทุบ หรือฝานวางไว้ใกล้ๆ หมอน หรือหัวนอนค่ะ


    -  อีกวิธี ในยามที่มีอาการหวัด คนโบราณจะนำหอมมาทุบพอแตกแล้วนำมาห่อผ้าบางๆ พกใส่กระเป๋าเสื้อ กลิ่นจะระเหยเข้าจมูก ทำให้หายใจคล่องขึ้น


    -  เป็นยาบำรุงสมอง  คนโบราณว่าไว้การรับประทานใบหอมแดงประจำ สม่ำเสมอจะบำรุงสมองทำให้ความจำดี ในใบหอมแดงจะมีสารเคมีชนิดหนึ่งที่บำรุงสมอง


   -  ไล่แมลงสาบ รู้หรือไม่? ว่าหอมแดงมีสารเคมีบางตัว ที่มีกลิ่นฉุนไล่แมลงสาบ และแมลงคลานบางชนิด โดยการนำหอมแดงมาทุบให้แตกแล้วมาวางบริเวณที่แมลงสาบชอบวิ่งผ่านจะไล่แมลงสาบ หรือนำมาวางไว้ที่ประตูบ้านจะไม่เข้ามาทำความรำคาญในบ้าน


      สมุนไพรหลายชนิด นอกจากจะปรุงอาหารแล้ว คนสมัยก่อนจะนำมาทำยารักษาโรค และใช้ประโยชน์จากสารเคมีที่มีอยู่ในธรรมชาติ ไว้ป้องกัน ไล่แมลง แบบที่ไม่อันตรายกับคน แถมหาได้ง่ายในครัวเรือน คนรุ่นใหม่อย่างเราอย่าลืมประโยชน์  และคุณค่าจากสิ่งใกล้ตัวเหล่านี้กันนะ


วิธีบริหารจัดการ "ความเครียด"

มิถุนายน 27, 2562

      ในแต่ละวันทุกคนต้องเจอกับความเคีรยดกันไม่มากก็น้อย อาจมีหลากหลายเรื่องให้ต้องคิด ต้องทำ หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรามีวิธีที่จะผ่อนคลายลงได้ด้วย 8 วิธี ที่เรานำมาแนะนำวันนี้ค่ะ
     1. ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

     2. รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ลดการทานจุบจิบ เน้นทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

     3. ฝึกจิตใจ ด้วยการทำสมาธิ

     4. ใช้น้ำมันหอมระเหยในการผ่อนคลายความเครียด

     5. ดนตรีบำบัด ฟังเพลงจะช่วยผ่อนคลาย อาจเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ ฟังก่อนเข้านอน

     6. การใช้ความร้อนทั้งตัว เช่น อบสมุนไพร อบซาวน่า

     7. การนวดแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า นวดน้ำมัน หรือการนวดอื่นๆ ก็ช่วยให้ผ่อนคลายลงได้

    
     8. พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7 - 8 ชั่วโมง และไม่นอนดึกบ่อยเกินไป
          
           ลองนำไปใช้กันดูนะคะ ได้ผลยังไงแนะนำเพื่อนต่อๆ กันไปได้ความสุขใจไปอีกแบบค่ะ


รู้ทั้งรู้ว่าต้องการทำอะไร แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ!! เพราะ?

มิถุนายน 11, 2562

      ถ้าคุณคือคนที่ทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จขอให้อย่าเพิ่งท้อถอย ลองหันกลับมาทบทวนดูดีกว่าว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไรที่ทำให้คุณไม่สามารถพิชิตความต้องการที่ตั้งความหวังไว้ได้ซักที

  1. คุณต้องการมันในระดับไหน อาจจะต้องวัดความต้องการกับสิ่งที่คุณวางแผนพิชิตเอาไว้นั้นมีความเข้มข้นมากแค่ไหน

  2. สิ่งนั้นใช่สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือเปล่า เป็นเพราะกระแส ความต้องการในสังคมและคุณได้นำมันมาตั้งเป็นเป้าหมาย

  3. มองหาความต้องการภายในใจที่แท้จริง ถ้าหากสิ่งที่คุณมีความต้องการที่ได้ตั้งเป้าหมายว่าต้องพิชิตให้สำเร็จไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง ก็อย่าไปสนใจ และละทิ้งมันไปจะดีกว่า

  4. ขาดแคลนปัจจัยที่จะทำให้ได้มาซึ่งความต้องการนั้น เมื่อหาพบแล้วว่าคุณต้องใช้ปัจจัยต่างๆ จึงจะสามารถทำให้สิ่งที่ต้องการได้ ก็ควรเริ่มสร้างปัจจัยเหล่านั้นให้สมบูรณ์เสียก่อน

  5. ปัดป้องว่าทำตามความต้องการของตนเองไม่ได้ เพราะไม่ได้เริ่มทำในสิ่งที่ต้องการเอง ถ้าเป็นดังนี้ คิดว่าปัญหาคงไม่ใช่ใครนอกจากตัวคุณเอง การเปลี่ยนที่ถูกต้องที่สุดควรเริ่มจากเปลี่ยนตัวคุณ

      ถ้าเราได้แต่บ่นว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ อาจจะทำให้คนรอบข้างเกิดความรำคาญได้ และที่เกิดขึ้นกับตัวเราคือความทุกข์ใจ ฉะนั้นแล้วการหันมามองสิ่งต่างๆ ทบทวน ใน 5 ข้อ นั้นคงจะพอช่วยให้คุณสังเกตุความต้องการอยากทำบางสิ่งได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

เทคนิค! "ทำงานให้มีความสุข"

มีนาคม 06, 2562


      การที่ทำอะไรซ้ำๆ  ในแต่ละวันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนไหนต้องการหรอกค่ะ เช่นการตื่นเช้าไปทำงานคือเรื่องราวที่ซ้ำซาก และบางคนก็เริ่มรู้สึกจำเจเบื่อหน่าย ถึงระหว่างที่ทำงานจะไม่ได้เจอเรื่องเดียวเหมือนกันทุกวัน แต่กระบวนการ หรือขั้นตอนการทำงานก็อาจจะมีความซ้ำซ้อนจนบางครั้งเราก็เริ่มจะเบื่อหน่ายกับทำงานซ้ำๆ  แต่ก็มีอีกหลายคนไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีความชอบและรู้สึกสนุกกับงานที่ทำ คนเหล่านั้นเขามีวิธีอย่างไรเรามาดูกันค่ะ

 1. เขาหาเรื่องทำแล้วมีความสุข   อันนี้หลายๆ คนคงสงสัยกันมันยังไงกัน! เพราะแต่ละวันงานก็ซ้ำซากอยู่แล้วจะเอาตรงไหนมาเลือกทำให้เกิดความสุขได้อีกกันหนอ  มาดูค่ะลองเปลี่ยนมุมมองกับสิ่งของต่างๆ รอบๆ ตัวด้วยใจดูสิเราจะได้เห็นอะไรแตกต่างทันที  เริ่มจากเปลี่ยนอุปกรณ์บนโต๊ะทำงานให้เป็นเครื่องใช้งานสำนักงานดีไซน์เก๋ไก๋ หรือเปลี่ยนการแต่งตัวให้แปลกใหม่เป็นแบบต่างๆ ที่เราชื่นชอบ

  2. นอนเร็วขึ้น   หลายๆ คนอาจจะหมดเวลาไปกับติดตามเหตุการณ์บนไทม์ไลน์ในช่วงเวลาค่ำคืน  เปลี่ยนแบบนี้ค่ะ ลองปิดสวิตส์ไฟเข้านอนเร็วขึ้นสักหนึ่งชั่วโมง จะทำให้คุณตื่นมาสดใสและมีพลังมากยิ่งขึ้น

  3. ลำดับความสำคัญของงาน  การลำดับความสำคัญของงานในแต่ละวัน จะช่วยให้คุณจดจำรายละเอียด และบริหารงานในความรับผิดชอบของคุณได้ดีขึ้นมาก นอกจากงานออกมาดีแล้ว คุณจะมีเวลาว่างที่จะไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วย

 4. ควบคุมอาหาร  การออกกำลังกาย  จะช่วยสร้างความรู้สึกมีความสุข เมื่อทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารคุณจะรู้สึกรักตัวเองมากขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ


   ว้าว!!  แค่ได้อ่านก็รู้สึกอยากลองทำดูแล้ว เพราะแต่ละวิธีไม่ได้ยากสำหรับเราเลย แค่ปรับนิดปรับหน่อยเองค่ะ พบกันสาระดีๆ ใน "นานาสาระ - วาไรตี้" ได้ใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ

"ฝุ่นละออง" ทำลายผิวหน้า ป้องกันยังไงดี?

มกราคม 28, 2562
        มาเฝ้าระวังสำหรับวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เหมือนจะยังไม่จางหาย และอาจความรุนเเรงมากขึ้นอีก  ซึ่งนอกจากจะกลายเป็นปัญหาสุขภาพ เเละระบบทางเดินหายใจเเล้ว รู้ไหมว่ารุนเเรงยิ่งไปกว่านั้นก็คือฝุ่นละอองเหล่านี้ยังทำร้ายสุขภาพผิวของเราอีกด้วยค่ะ เช่น เป็นปัญหาสิวอุดตัน, สิวผื่น,  ผิวหน้ามัน,  ริ้วรอย ที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันสมควร หรือรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ผิวเกิดปัญหาหมองคล้ำ ดูไม่กระจ่างใส เป็นเเบบนี้จะป้องกัน และดูเเลยังไง มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากค่ะ

 1. ทาครีมกันเเดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
     ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งก็อย่ามองข้ามความสำคัญของครีมกันเเดด ต้องไม่ลืมทาทุกครั้ง ที่ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์รูปแบบใดหมอกควัน หรือฝุ่นละอองเมื่อมาพบกับเเสงเเดดหรือ UV ก็จะทำให้เกิดสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เซลล์ผิวถูกทำร้าย เเละทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้ เเน่นอนว่าสิ่งที่ได้ตามมา ก็คือ  ปัญหาผิวหมองคล้ำ  เเละทำให้เกิดริ้วรอยได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่คุณไม่สามารถมองเห็น *ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งอย่าลืมทาครีมกันเเดดเพื่อป้องกันสารพัดปัญหาผิวของคุณค่ะ

 2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

     สาวๆ ทั้งหลายทราบรู้หรือไม่ ว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอนอกจากจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หรือทำให้ผิวของคุณเเลดูกระจ่างใส เปล่งปลั่งแล้ว  ยังมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดอีกค่ะ โดยเฉพาะกับการเผชิญสภาวะที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองเช่นนี้ การดื่มน้ำก็จะช่วยขับของเสียออกจากร่างกายของเราได้เป็นอย่างดี  *เเต่อย่าลืมว่าต้องดื่มให้เพียงพอด้วยน้ำจะคอยทำหน้าที่ขับของเสียให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

 3. ถึงบ้านเเล้วต้องล้างหน้าให้สะอาด
     สำคัญมากเลยค่ะ โดยเฉพาะคุณสาวๆ ห้ามพลาดเลยเด็ดขาด!  หลายคนเข้าใจว่าใส่หน้ากากอนามัยเพื่อปกป้องตัวเองจากฝุ่นละออง หรือทาครีมกันเเดดไปแล้วนี่นา ขอบอกว่าเลยว่าฝุ่นละอองเล็กๆ พวกนี้นี้ก็เล็ดลอดไปยังผิวของคุณได้ค่ะ  ดังนั้นวิธีการกำจัดฝุ่นเเละมลภาวะที่น่าจะแก้ปัญหาได้ดีที่สุด ก็คือการล้างเเละทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดนั่นเองค่ะ  หรือจะใช้คลีนซิ่งเพื่อเช็ดเเละล้างเครื่องสำอางออกให้หมด  ปิดท้ายการล้างหน้าด้วยโทนเนอร์อีกทีก็จะเป็นการทำความสะอาดได้อย่างหมดจดมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ


  4.  ฟื้นฟูเเละบำรุงผิวของคุณอยู่เสมอ
     สำคัญเลยค่ะ  ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอเเล้วก็อย่าลืมฟื้นฟู เเละบำรุงผิวที่ถูกทำร้ายให้กลับมาดังเดิมด้วยค่ะซึ่งสกินเเคร์ที่ดีเเละมีคุณภาพก็มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ได้ตามความชอบ หรือใครที่มีสุดยอดสกินเเคร์อยู่เเล้วก็สามารถนำมาใช้เพื่อเป็นการฟื้นฟูเเละบำรุงผิวของคุณให้กลับมาเเข็งเเรงอีกครั้ง เมื่อผิวหน้าของคุณเเข็งเเรงขึ้นเเล้วก็จะได้เป็นการป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก เชื้อโรค หรือฝุ่นละอองซึมซับเข้าสู่ผิวของคุณได้ยากขึ้น

   5. สวมใส่หน้ากากอนามัย
     การสวมใส่หน้ากากอนามัยก็ถือว่าเป็นหาทางที่ช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเข้ามาสู่ผิวหน้าของคุณได้ง่ายเเม้จะไม่ได้ 100% เเต่ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ  ยิ่งตอนนี้มีการรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วได้ เช่น N95 เเต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ใช้หน้ากากอนามัยเเบบธรรมดาไปก่อน อาจเพิ่มความหนาซ้อนทับด้วยกระดาษทิชชู่อีก 2 แผ่น นอกจากช่วยป้องกันฝุ่นละอองตัวร้ายไม่ให้ทำลายสุขภาพของเราได้เเล้ว ก็ยังเป็นการป้องกันผิวหน้าของคุณได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

     เรื่องผิวหน้าเป็นเรื่องสำคัญที่สาวๆ ไม่ควรละเลยและมองข้าม  และเเม้ว่าจะเจอฝุ่นละอองมาทำร้ายมากเเค่ไหน  ถ้าเรารู้จักวิธีการดูเเลที่ถูกต้อง และเราก็สามารถปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอเเล้วก็คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลกันอีกต่อไปเเล้วค่ะ  พบกันใหม่ ตอนต่อไปได้ใน "นานาสาระ - วาไรตี้" เร็วๆ นี้ค่ะ  ^___^

เลือกทาน "ไข่เยี่ยวม้า" อย่างไร? ให้ปลอดภัย

มกราคม 19, 2562
      

      ท่านที่ชอบการรับประทาน "ไข่เยี่ยวม้า"  วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันว่าทานยังไงให้ปลอดถัย มาอ่านดูกันก่อนค่ะะ

  ไข่เยี่ยวม้าเกิดขึ้นจากอะไร?
ไข่เยี่ยวม้าเป็นผลผลิตจากการการถนอมอาหารประเภทไข่อย่างหนึ่ง โดยวิธีการถนอมอาหารด้วยการพอกด้วยปูนขาว ผสมใบชา เกลือป่น และขี้เถ้านวดด้วยน้ำเย็น หรืออีกวิธีหนึ่งคือนำไปแช่ในน้ำที่มีส่วนผสมของสารละลายเบสที่มีปูนขาว เกลือ โซดาแอชชาดำ และสังกะสีออกไซด์

     สิ่งที่ทำให้ไข่เยี่ยวม้ากลายอาหารที่ไม่ได้ปลอดภัย100% นั่นก็เพราะผู้ประกอบการ หรือพ่อค้าแม่ค้าบางรายมีแอบใช้สารตะกั่วออกไซด์ หรือซัลไฟด์ลงในส่วนผสมที่ใช้พอก หรือแช่เพื่อช่วยให้ไข่กลายเป็นไข่เยี่ยวม้าได้เร็วขึ้น และเห็นผลมากขึ้นซึ่งอาจทำให้ไข่เยี่ยวม้าที่ผลิตมีสารตะกั่วปนเปื้อนได้

  สารตะกั่วในไข่เยี่ยวม้าอันตรายอย่างไร?
หลายครั้งที่คิดจะซื้อไข่เยี่ยวม้ามาทาน ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกบริโภคไข่เยี่ยวม้าเพิ่มมากขึ้น เพราะการมีสารตะกั่วปนเปื้อนอยู่ในอาหารบ่อยๆ และทำให้มีอาการท้องผูก และส่งผลต่อการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ไขกระดูกระบบประสาทไต หรืออาจเลยไปถึงกล้ามเนื้อกระดูกข้อมือ ข้อเท้า ที่อาจเกิดอาการอัมพาต หรือสมองบวมชักและอาจถึงเสียชีวิตได้ เเต่อย่างไรก็ตามเมื่อคุณได้รับสารปนเปื้อนในอาหารสะสมอยู่มากเข้าๆ ก็จะเเสดงอาการตามข้างต้น  แต่ถ้าไม่ได้ทานเป็นประจำก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะยังทานได้ตามปกติ

   วิธีสังเกต ไข่เยี่ยวม้าที่ปลอดภัย
มาสังเกตไข่เยี่ยวม้าที่สุ่มเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารตะกั่วกันค่ะ  ให้สังเกตที่ไข่ขาวว่ามีสีดำมากเกินไปหรือไม่อาจจะเป็นลักษณะสีดำขุ่นไม่ใช่สีน้ำตาลเข้มใสๆ อย่างที่เคยเห็นกัน ถ้าผิดสังเกตแบบนี้ขอให้สันนิษฐานว่าเป็นไข่เยี่ยวม้าที่ปนเปื้อนสารตะกั่ว จากขั้นตอนการทำไข่เยี่ยวม้าดังนั้นให้พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานค่ะ หรืออย่ารับประทานบ่อยเกินไป

     เเต่ถึงอย่างไรก็ตามไข่เยี่ยวม้าที่ไม่มีสารปนเปื้อนจากตะกั่วก็ยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายพอๆ กับไข่สดนอกจากนี้ยังสามารถเก็บไว้ได้นาน มีแคลเซียมสูงเพียงเเต่ให้ระเเวดระวังการรับประทานเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการทานค่ะ

เคล็ดลับ!! "ให้หลับสบายทั้งคืน"

มกราคม 13, 2562
    
     การพักผ่อนสิ่งที่ดีที่สุด คือการนอนหลับ   แต่ก็มีบางคนนอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่สนิท แม้จะทำทุกวิถีทางแล้วก็ตาม จ
ะเพิ่งยานอนหลับก็คงจะไม่ดีแน่ๆ วันนี้หาสุดยอดวิธีดีๆ มาให้ค่ะ

    1. กินก่อนนอน
งานวิจัยชิ้นหนึ่งค้นพบว่า การรับประทานอาหารในปริมาณน้อยมื้อเบาๆ  ที่ประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต พร้อมด้วยแคลเซียม หรือโปรตีน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดอะมิโน ทริปโตแฟน จะช่วยให้คุณหลับสบายขึ้นในเวลากลางคืน  เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างเซโรโทนิน สารเคมีทางสมองที่ช่วยให้รู้สึกความสงบ ซึ่งเวลาที่เหมาะสมในการทานของกินเล่นก็คือ 1 ชม. ก่อนเข้านอนค่ะ


     2. ถ้าหลับไม่ลงสักทีก็อย่าฝืน
โบราณว่า ถ้านอนไม่หลับก็ลุกออกมาจากเตียง แต่การนอนห่มผ้าบนเตียงที่แสนนุ่มสบายต่อไปก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้น  จงปิดไฟเอนกายลง และหนุนหมอนให้สบาย  หายใจเข้าออกลึกๆ หรือไม่ก็คิดภาพว่ากำลังออกกำลังกาย จนคุณง่วงหลับไปเองค่ะ

     3. สูดกลิ่นแห่งนิทรา
กลิ่นบางกลิ่นก็ช่วยให้คนเรารู้สึกอยากนอนได้ อย่างเช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ คาร์โมไมล์ กระดังงา ฯลฯ  มันสามารถส่งผลให้เกิดการทำงานของคลื่นสมองระดับอัลฟา ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และง่วงนอน ลองหยดน้ำมันหอมระเหยสัก 2-3  หยด ลงในน้ำเปล่าแล้วพรมลงบนหมอนสักเล็กน้อยสิคะ

     4. เลือกสีห้องนอนให้เหมาะสม
 สีบางสีช่วยให้กระปรี้กระเปร่า และสีบางสีก็ทำให้ง่วงซึม อย่างเช่น สีขาว เป็นต้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสีขาวเป็นสีที่ไประงับสารเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายกำหนดกระบวนการหลับ - การตื่น  ดังนั้นจึงควรเลือกสีน้ำตาล หรือสีกรมท่าซึ่งช่วยเสริมสร้างการหลั่งสารเมลาโทนินแทน


     5. บอกลานมอุ่ม แล้วหันมาดื่มน้ำเชอรี่แทนดีกว่า
การดื่มน้ำเชอรี่ช่วยพัฒนาการนอนหลับ เพราะมันคือแหล่งของเมลาโทนิน และทริปโตแฟนทางธรรมชาติ เพราะฉะนั้นก่อนกลับบ้าน ก็แวะซื้อน้ำเชอรี่เข้มข้นมาดื่มสักนิดก็ดีค่ะ


      รู้แบบนี้แล้ว มาลองนำ 1 ใน  5 วิธี นี้มาปรับใช้ให้เข้ากับความสะดวกในแบบของเรากันดีกว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ ฝันดีค่ะ  แล้วอย่าลืมติดตาม "นานาสาระ - วาไรตี้" ค่ะ

เคลียร์กันชัดๆ ไข่เเดง VS ไข่ขาว อะไรดีกว่ากัน?

มกราคม 12, 2562



     ไข่ขาว หรือ ไข่เเดง อย่างไหนให้ประโยชน์มากกว่ากัน? ไข่ขาว ไข่เเดงเป็นเเหล่งโปรตีนที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงให้เเคลอรี่ต่ำ เเต่ก็ให้พลังงานต่อร่างกายไม่เท่ากันค่ะ  ใครที่อยากลดน้ำหนัก หลายคนก็เลือกที่จะเขี่ยก้อนไข่เเดงออกเพราะคิดว่าเจ้าไข่เเดงให้คอเรสเตอรอลสูงปรี๊ด อ้าวแล้วต่างกันเยี่ยงไร? >>>

     ความเเตกต่าง ไข่เเดง กับ ไข่ขาว
จริงๆ เเล้วอยู่ตรงที่การให้พลังงาน เเละเเคลอรี่ที่ไม่เท่ากันค่ะ เพราะโดยทั่วไปเเล้วไข่แดงจะมีแคลอรี่อยู่ประมาณ 60แคลอรี่ ส่วนไข่ขาวอยู่ที่ 15 เเคลอรี่ นั่นหมายความว่าไข่แดงมีแคลอรี่มากกว่าไข่ขาวนั่นเองค่ะ จึงไม่แปลกเลยคนที่ต้องการลดน้ำหนักจึงเลือกทานแต่ไข่ขาว อะอ๊ะ! อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรนะ เพราะมีอีกหนึ่งข้อมูลดีๆ ที่เราต้องรู้มาบอกเพิ่มเติมค่ะ >>

     ความเเตกต่างอีกหนึ่งประการ ของไข่เเดง เเละไข่ขาว
คือ ภายในไข่เเดงมีธาตุอาหารอย่างฟอสฟอรัสสูงรวมถึงยังมีวิตามิน ADEK  สามารถละลายได้ในไขมัน ซึ่งเราจะไม่พบในไข่ขาว ในขณะที่ไข่ขาวเราจะพบว่ามีสารอาหารอย่างโซเดียมเเละโพเเทสเซียมสูง  และเราจะไม่พบในไข่เเดงดังนั้นการทานไข่ขาวเเต่เพียงอย่างเดียวก็อาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะได้รับวิตามิน ADEK นั่นเองค่ะ ในขณะเดียวกันการที่คุณทานเเต่ไข่เเดงอย่างเดียวก็อาจจะขาดเเร่ธาตุสำคัญอย่างโพเเทสเซียมไปได้

     หลายๆ คนหลีกเลี่ยงการทานไข่เเดงเพราะเชื่อว่าจะทำให้เราได้รับคอเรสเตอรอลสูงเกินไป การศึกษาวิจัยในระยะหลังก็พบว่าการรับประทานคอเรสเตอรอลจากอาหารหรือปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายของเราไม่ได้มาจากอาหารการกินที่เราทานเข้าไปมากนัก ส่วนใหญ่มาจากการสร้างขึ้นเองในร่างกายลำพังเพียงคอเลสเตอรอลจากไข่แดงหากไม่ได้ทานเป็นจำนวนมากจริงๆ ก็ไม่ได้ทำให้ร่างกายมีคอเลสเตอรอลมากเกินไปอย่างแน่นอนไม่ได้ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจเเละหลอดเลือด

     ไข่ยังมีประโยชน์เเถมเหมาะสมสำหรับคนทุกวัยการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายโดยการกินไข่ตั้งเเต่วัยเด็กเลยจะเป็นสิ่งที่ดีมากเลยค่ะเด็ก7-8 ปี สามารถทานได้วันละครึ่งฟองวัยเด็กถึงวัยทำงานสามารถทานได้วันละ 1-2 ฟอง รวมถึงผู้สูงอายุสามารถทานได้วันละ 1-2 ฟอง เเต่ในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเช่นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตก็สามารถทานไข่ได้สัปดาห์ละ 3 ฟอง

      ข้อควรสรุปที่เราเห็นว่าน่าจะดีที่สุด เเละเคลีย์ที่สุดในประเด็นนี้ก็คือการทานทั้งไข่เเดง เเละไข่ขาวถึงจะได้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนเเละคุณก็ยังสามารถทานไข่เเดง หรือไข่ขาวได้แบบปกติไม่ต้องมีอะไรให้กังวลเเต่เราเราไม่เเนะนำให้ทานไข่ไก่ดิบนะคะ การทานอาหารให้เหมาะสมตามช่วงวัย หรือกิจกรรมในเเต่ละวันที่เราต้องใช้พลังงานด้วยนะคะ

"เต้าหู้" กับคุณประโยชน์เน้นๆ ที่ต้องว้าว!!

มกราคม 07, 2562
    

      "เต้าหู้" กับประโยชน์ไม่ได้ธรรมดาเลย  โดยเฉพาะเป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพ เเละลดน้ำหนัก แถมยังมีดีต่อสุขภาพของคนที่ทานอีกด้วย คนจำนวนมากอาจไม่เคยรู้ว่า "เต้าหู้" มีดีอะไรบ้าง ตามมาอ่านค่ะ

     1. เต้าหู้ เเละผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองมีสารกลุ่มไอโซฟลาโวนสูง
ซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโทรเจนในเพศหญิง เเละควบคุมการเสริมสร้างกระดูกในร่างกายดังนั้นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองจึงมีความสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกวัยโดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน

     2. เสริมสร้างกระดูก เเละฟัน
ก็เพราะในเต้าหู้มีเเคลเซียมสูง เหมาะกับคนทุกวัยโดยเฉพาะเด็กๆ เเละสตรีมีครรภ์ซึ่งต้องการเเคลเซียมปริมาณมาก นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสเกิดภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุเเละสตรีวัยทองอีกด้วยค่ะ

    3. ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง เเละโรคหัวใจ
เพราะเต้าหู้ไม่มีคอเรสเตอรอลจึงช่วยลดโอกาสเป็นโรคความดันเเละหัวใจ

     4. ป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก 
เต้าหู้เป็นเเหล่งของซีลีเนียม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ในคุณผู้ชายได้อีกด้วยค่ะ
     5 .เต้าหู้เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม 
โปรตีนจากเต้าหู้ให้คุณค่ามากกว่าเนื้อสัตว์บางชนิดในปริมาณเท่ากันถึงสองเท่า โปรตีนที่ได้จากถั่วเหลืองแปรรูปประเภทนี้มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 8ชนิด และยังเป็นโปรตีนที่ให้ไฟเบอร์หรือกากใยอาหารที่ช่วยในระบบย่อยอีกด้วย นอกจากนั้นโปรตีนประเภทนี้ยังมีประสิทธิภาพในการลดคอเลสเตอรอลและลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดได้


     6. เหมาะสำหรับผู้ที่เเพ้นมวัว
ซึ่งอาจเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลเเล็กโทสในนมได้ การดื่มน้ำเต้าหู้จึงเป็นทางเลือกที่ดีเเม้คุณค่าทางอาหารจะน้อยกว่านมวัวเเต่ก็สามารถชดเชยด้วยการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนเเละเเร่ธาตุอื่นๆ ได้ค่ะ

      7. ป้องกันโรคระบบทางเดินอาหารเเละมะเร็งลำไส้
เส้นใยอาหารในเต้าหู้ทำหน้าที่ช่วยการทำงานของระบบทางเดินอาหารเเละลำไส้ลดโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ได้

     ข้อมูลเพิ่ม : นอกจากนี้เต้าหู้ก็ยังมีเลซิทิน ซึ่งมีผลในการลดไขมันและช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวกับความทรงจำด้วย "เต้าหู้" อาหารเลิศรสที่มาจากดินเเดนจีนโพ้นทะเลเราได้รับวัฒนธรรมการทานเต้าหู้ เเละได้มาดัดเเปลงเป็นหลายๆ ส่วนผสมของอาหารไทยหลายชนิด  นอกจากนี้เต้า  หู้เต้าฮวยน้ำ เเละนอกจากจะมีโปรตีนสูงเเล้วยังมีสารอาหารอื่นๆ เช่นคาร์โบไฮเดรต เเคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส รวมทั้งเส้นในอาหารเเละยังมีไขมันอิ่มตัวต่ำไม่มีคอเรสเตอรอลเต้าหู้หนึ่งหน่วยบริโภค (100 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 73 กิโลเเคลอรี่ เพียงเท่านั้นเองเหมาะสำหรับท่านที่อยากลดน้ำหนักได้ดีเลยค่ะ

"น้ำเกลือ" ประโยชน์ของที่สาวๆ ต้องรู้!!

มกราคม 07, 2562
   
      "น้ำเกลือ"  สาวต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ตลอดค่ะ เจ้าน้ำเกลือในความคิดของหลายคนอาจมีไว้ใช้สำหรับล้างเเผลเท่านั้นแ เเต่ว่าน้ำเกลือมีประโยชน์มากกว่าที่คิดโดยเฉพาะในเรื่องของความสวยความงามน้ำเกลือก็เป็นพระเอกที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลให้ยุุ่งยาก  เพราะว่าเราหาข้อมูลดีๆ ประโยชน์เน้นๆ ของน้ำเกลือมารวมไว้ที่นี่ค่ะ

     1. นำมาบ้วนปากช่วยดูแลสุขภาพช่องปากได้
ใครที่แพ้น้ำยาบ้วนปากที่มีวางขายอยู่ทั่วไปตามร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ลองเปลี่ยนมาบ้วนปากด้วยการใช้น้ำเกลือแทนกันค่ะ นอกจากไม่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกเเสบร้อนเเล้วก็ยังดีต่อสุขภาพช่องปากของคุณอีกด้วยเพราะน้ำเกลือมีประโยชน์ในการช่วยฆ่าเเบคทีเรียต้นตอของปัญหากลิ่นปาก และฟันผุนั่นเองค่ะ

     2. ทำหน้าที่เป็นโทนเนอร์
สามารถนำมาใช้เป็นโทนเนอร์ได้ด้วยเหมือนกันค่ะ  โดยเฉพาะสาวๆ คนไหนที่มีสภาพผิวหน้าเเพ้ง่ายหรือบอบบางด้วยเเล้วก็ลองนำน้ำเกลือมาทำความสะอาดผิวหน้าได้เหมือนกันค่ะ นอกจากอ่อนโยนเเละดีต่อสุขภาพผิวหน้าของเราเเล้วก็ยังมีประโยชน์ในการช่วยเติมความชุ่มชื้นที่ดีให้กับผิวหน้าอีกด้วย ไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อโทนเนอร์กันให้เปลืองเงินกันอีกต่อไป

     3. นำมาดูเเลผิวหน้าก็ได้เหมือนกัน
นำเอาน้ำเกลือมาผสมเข้ากับผงมาส์กหน้าเเทนที่คุณจะใช้น้ำเปล่า น้ำเกลือซึ่งมีความเข้มข้นมากกว่าน้ำธรรมดาทั่วไปเมื่อนำมาพอกหน้าจะทำให้ผิวหน้ามีสุขภาพที่ดีเเละมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
     4. ใช้ล้างคอนแทคเลนส์
ประโยชน์ข้อนี้ของน้ำเกลือเชื่อว่าใครหลายคนอาจคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะก็คงทำกันอยู่ เเต่ใครที่ยังไม่รู้วันนี้คุณจะได้ทราบเเล้วว่าน้ำเกลือช่วยทำให้คอนเเทคเลนส์สะอาดมากยิ่งขึ้น เเต่สิ่งที่ต้องเน้นย้ำนั่นก็คือใช้สำหรับการล้างคอนเเทคเลนส์เท่านั้นนะคะ ไม่ให้นำคอนเเทคเลนส์ไปเเช่ในน้ำเกลือเพราะหากคุณต้องการเเช่เเล้วล่ะก็ต้องใช้น้ำยาสำหรับเเช่คอนเเทนเลนส์จริงๆ เท่านั้นค่ะ

     5. ล้างจมูกเมื่อเป็นหวัด หรือใช้ลดน้ำมูกได้
เวลาเด็กๆ เป็นหวัดพ่อเเม่มักใช้น้ำเกลือเพื่อเป็นการสวนล้างจมูกให้กับเด็กเล็กทั้งหลาย เพราะเมื่อเป็นหวัดจะเกิดน้ำมูกจำนวนมากเพื่อล้างเเละทำความสะอาดภายในจมูก นั่นก็เพราะน้ำเกลือจะเข้าไปช่วยลดความเหนียวของเสมหะลดอาหารโรคหวัดมีน้ำมูก หวัดจะหายเร็วขึ้นช่วยทำให้จมูกโล่งสะอาดมากขึ้นค่ะ

     6. ใช้สำหรับเช็ดทำความสะอาดแผลหลังเกิดสิวได้
แก้ปัญหาเรื่องรอยสิวบนใบหน้าเเล้วล่ะก็ ขอเเนะนำให้คุณเใช้เจ้าน้ำเกลือได้เลยเพระาไม่ว่าจะเป็นสิวเเบบไหนการใช้น้ำเกลือก็ช่วยคุณได้ เพียงนำน้ำเกลือมาผสมเข้ากับผงวิเศษเเล้วพอกทิ้งไว้จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณเรียบเนียนเเละกระจ่างใสมากขึ้นนั่นค่ะ

                โอ้!!  บอกได้เลยว่าถึงจุดนี้เชื่อว่าหลายคนอยากใช้น้ำเกลือมาดูเเลสุขภาพกันถ้วนหน้าเลยใช่มั้ยคะ  >>>>